Page 23 - สารสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (สิงหาคม 2558)
P. 23

สหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. ๒๐๐๓ ฐานความผิดที่เกี่ยวข้องกับการให้หรือรับสินบนท่ีเกี่ยวข้องกับ
(United Nations Convention against Corruption: UNCAC) เจา้ หนา้ ทร่ี ฐั ตา่ งประเทศ และเจา้ หนา้ ทอ่ี งคก์ ารระหวา่ งประเทศ
ที่ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันร่วมเป็นภาคีเม่ือวันท่ี ๑ มีนาคม เพ่อื ใหท้ ุกรฐั มีมาตรฐานกฎหมายในระดบั สากลเชน่ เดยี วกนั
๒๕๕๔ และมีผลใช้บังคับต้ังแต่วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔ ดังนั้น เพ่ือให้สอดคล้องกับการรับผิดตามอนุสัญญาที่อยู่
โดยการก�ำหนดฐานความผิดการให้หรือรับสินบนเจ้าหน้าท่ีรัฐ ภายใตม้ าตรการลงโทษทางอาญาและไมใ่ ชอ่ าญา รวมทงั้ มาตรการ
ตา่ งประเทศ รวมถงึ ความผดิ เฉพาะส�ำหรบั นติ บิ คุ คลจะสง่ ผลให้ ลงโทษทางการเงินที่มีประสิทธิผลได้สัดส่วน และมีผลในการ
กรอบการบังคับใช้กฎหมายเพื่อการปราบปรามการทุจริตของ ยบั ยงั้ การกระท�ำความผดิ จงึ ไดม้ กี ารแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ใหก้ ารกระท�ำ
ประเทศไทยมีความเป็นมาตรฐานสากลและสมบูรณ์มากขึ้น ของเจ้าหน้าท่ีของรัฐ เจ้าหน้าท่ีของรัฐต่างประเทศ หรือ
และก่อให้เกิดประโยชน์ในการประสานความร่วมมือระหว่าง เจา้ หนา้ ทขี่ ององคก์ ารระหวา่ งประเทศ ทรี่ บั สนิ บนเปน็ ความผดิ
ประเทศในการด�ำเนินคดีทุจริต ในกรณีท่ีการขอความร่วมมือ เพม่ิ เตมิ จากทกี่ �ำหนดไวใ้ นประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๙
ระหว่างประเทศอยู่ภายใต้บังคับของหลักความผิดอาญาใน ซงึ่ บญั ญตั วิ า่ “ผใู้ ดเปน็ เจา้ พนกั งาน สมาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง่ รฐั
ทงั้ สองรฐั (หลกั Dual Criminality) อาศยั อ�ำนาจตามอนสุ ญั ญา สมาชกิ สภาจงั หวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาล เรยี ก รบั หรอื ยอม
ข้อ ๑๖ ท่ีบัญญัติเกี่ยวกับการให้สินบนแก่เจ้าหน้าท่ีของรัฐ จะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดส�ำหรับตนเองหรือผู้อื่น
ต่างประเทศและเจา้ หนา้ ทีข่ ององค์การภาครัฐระหวา่ งประเทศ โดยมชิ อบ เพอ่ื กระท�ำการหรอื ไมก่ ระท�ำการอยา่ งใดในต�ำแหนง่
และขอ้ ๒๖ ทบี่ ญั ญตั เิ กย่ี วกบั ความรบั ผดิ ของนติ บิ คุ คล เนอ่ื งจาก ไมว่ า่ การนนั้ จะชอบหรอื มชิ อบดว้ ยหนา้ ท่ี ตอ้ งระวางโทษจ�ำคกุ
การทจุ รติ ถอื ไดว้ า่ เปน็ อาชญากรรมรา้ ยแรง มรี ปู แบบทส่ี ลบั ซบั ซอ้ น ตั้งแต่ห้าปีถึงย่ีสิบปี หรือจ�ำคุกตลอดชีวิต และปรับต้ังแต่
และมีลักษณะของอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งรวมถึงกรณี สองพนั บาทถงึ สห่ี มน่ื บาท หรอื ประหารชวี ติ ” โดยมกี ารก�ำหนด
การให้สินบนเจ้าหน้าที่รัฐต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่องค์การ โทษปรบั ใหส้ งู กวา่ ประมวลกฎหมายอาญา เพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งกบั
ระหว่างประเทศเพื่อประโยชน์ในการด�ำเนินธุรกิจในรูปแบบ คา่ เงนิ และความเหมาะสมของสภาพเศรษฐกิจในปจั จุบัน
ตา่ ง ๆ ซง่ึ กอ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายเปน็ อยา่ งมากตอ่ รฐั ทเี่ กย่ี วขอ้ ง กล่าวโดยสรุปคือ โทษประหารชีวิตจึงไม่ใช่เร่ืองแปลกใหม่
ทง้ั ในส่วนของผู้รบั และผูใ้ ห้ ประกอบกับอนสุ ญั ญาขององค์การ เพียงแต่ประเทศไทยมีบทบัญญัติเก่ียวกับเร่ืองดังกล่าวไว้แล้ว
เพอื่ ความร่วมมือและพฒั นาทางเศรษฐกิจ ค.ศ. ๑๙๙๗ ว่าด้วย ตามประมวลกฎหมายอาญา ส�ำหรับการกระท�ำความผิดของ
การใหส้ นิ บนแกเ่ จา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ตา่ งประเทศในการท�ำธรุ กรรม เจ้าหน้าที่รัฐ เจ้าหน้าท่ีของรัฐต่างประเทศ หรือเจ้าหน้าที่ของ
ทางธุรกิจระหว่างประเทศ (OECD Convention) ซ่ึงถือเป็น องค์การระหว่างประเทศที่รับสินบน ท้ังนี้ ติดตามผลของการ
อนุสัญญาด้านการต่อต้านการทุจริตที่ส�ำคัญและเป็นมาตรฐาน กระท�ำความผิดกฎหมาย ป.ป.ช. สู่โทษประหารชีวิตตาม
สากล ได้เล็งเห็นถึงความส�ำคัญของกรณีดังกล่าวข้างต้น กระบวนวธิ ีพิจารณาได้ในโอกาสตอ่ ไป
เช่นเดียวกัน จึงได้มีบทบัญญัติท่ีสนับสนุนให้รัฐภาคีก�ำหนด

ทม่ี าภาพ:	 http://blogs-images.forbes.com/arthurmachado/files/2015/07/Bribery.jpg (สบื คน้ เมอ่ื วนั ท่ี ๓ สงิ หาคม ๒๕๕๘)

                                                                                                                            21สิงหาคAมug๒u๕st๕2๘015
   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28